คู่มือวิธีใช้งานรถโฟล์คลิฟท์อย่างมืออาชีพ

การใช้รถโฟล์คลิฟท์อย่างถูกต้องและปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญมากในทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นคลังสินค้า โรงงาน หรือแม้แต่สถานที่ก่อสร้าง การรู้วิธีใช้งานรถโฟล์คลิฟท์อย่างมืออาชีพจะช่วยลดอุบัติเหตุ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักร บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจตั้งแต่กลไกพื้นฐาน ข้อดีของรถโฟล์คลิฟท์ประเภทต่างๆ ไปจนถึงเทคนิคการขับขี่ที่ถูกต้อง เพื่อให้คุณพร้อมทำงานได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยสูงสุด

ข้อควรรู้สำคัญ

  • การขับรถโฟล์คลิฟท์ต้องเริ่มจากการขึ้นรถอย่างถูกวิธี คาดเข็มขัดนิรภัย ตรวจสอบรอบข้าง และสตาร์ทเครื่องยนต์อย่างถูกต้อง พร้อมยกงาขึ้นเหนือพื้นเล็กน้อยก่อนเคลื่อนที่
  • ในการโหลดสินค้า ควรเว้นระยะห่าง ปรับความกว้างของงาให้พอดีกับพาเลท แล้วค่อยๆ ขับเข้าหา ยกสินค้าขึ้นในระดับที่เหมาะสม และเอียงงาไปด้านหลังเล็กน้อยก่อนเคลื่อนย้าย
  • การวางสินค้า ต้องปรับเสาให้ตั้งตรง ขับรถช้าๆ จนสินค้าอยู่เหนือตำแหน่งที่ต้องการ ลดงาลงให้พอดีกับพื้นที่ และค่อยๆ ถอยรถเพื่อนำงาออกจากพาเลทอย่างระมัดระวัง
  • เมื่อจอดรถ ต้องหาพื้นที่ที่เหมาะสม เหยียบเบรก เปลี่ยนเป็นเกียร์ว่าง ลดงาลงแตะพื้น ดึงเบรกมือ และดับเครื่องยนต์ทุกครั้ง
  • การตรวจสอบสภาพรถโฟล์คลิฟท์ก่อนและหลังใช้งานเป็นประจำ รวมถึงการดูแลรักษาระดับของเหลวต่างๆ จะช่วยให้รถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานเสมอและป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้

กลไกรถโฟล์คลิฟท์

รถโฟล์คลิฟท์เป็นเครื่องจักรที่ช่วยทุ่นแรงในการขนย้ายสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ หัวใจหลักของรถโฟล์คลิฟท์คือระบบไฮดรอลิกที่ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ เพื่อยก งา และเอียงเสา การทำความเข้าใจกลไกพื้นฐานเหล่านี้จะช่วยให้คุณใช้งานรถได้อย่างปลอดภัยและถูกต้อง

ส่วนประกอบหลักและหลักการทำงาน

  • ระบบไฮดรอลิก: เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้รถโฟล์คลิฟท์สามารถยกและเอียงเสาได้ ประกอบด้วยปั๊มไฮดรอลิกที่สร้างแรงดันน้ำมัน ส่งผ่านท่อไปยังกระบอกไฮดรอลิกที่ควบคุมการขึ้นลงของงาและเสา การควบคุมทำได้โดยใช้คันโยกที่ผู้ขับขี่
  • เสา (Mast): ส่วนที่ยื่นออกมาด้านหน้า มีลักษณะเป็นรางซ้อนกันหลายชั้น ทำหน้าที่ยกและลดระดับงาขึ้นลง เสาจะถูกควบคุมด้วยกระบอกไฮดรอลิก
  • งา (Forks): ส่วนที่ใช้สอดเข้าไปใต้พาเลทเพื่อยกสินค้า มีลักษณะเป็นเหล็กแบนยาว สามารถปรับความกว้างได้ตามขนาดของสินค้า
  • ระบบขับเคลื่อน: ส่วนใหญ่เป็นเครื่องยนต์ดีเซล เบนซิน หรือแก๊ส LPG ซึ่งให้กำลังในการเคลื่อนที่ของรถ รวมถึงการทำงานของระบบไฮดรอลิก
  • ระบบบังคับเลี้ยว: ช่วยให้รถเลี้ยวไปในทิศทางที่ต้องการ โดยทั่วไปล้อหลังจะเป็นล้อที่บังคับเลี้ยว ทำให้รถมีความคล่องตัวสูง

การตรวจสอบเบื้องต้นก่อนใช้งาน

ก่อนจะสตาร์ทเครื่องยนต์และเริ่มงาน ควรมีการตรวจสอบสภาพรถโฟล์คลิฟท์เบื้องต้นเสมอ เพื่อความปลอดภัยและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้

  • ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องและน้ำมันไฮดรอลิก: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม
  • ตรวจสอบสภาพยาง: ดูว่ามีรอยฉีกขาดหรือลมยางอ่อนหรือไม่
  • ตรวจสอบการทำงานของเบรก: ทดลองเหยียบเบรกเพื่อให้แน่ใจว่ายังทำงานได้ดี
  • ตรวจสอบไฟสัญญาณและแตร: เปิดไฟและกดแตรเพื่อทดสอบการทำงาน
  • ตรวจสอบงาและเสา: ดูว่ามีรอยร้าวหรือความเสียหายหรือไม่ และทดลองยกงาขึ้นลงเล็กน้อย

การตรวจสอบสภาพรถโฟล์คลิฟท์อย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่ใช่แค่เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และคนรอบข้างเท่านั้น แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของรถและลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมในระยะยาวอีกด้วย หากพบความผิดปกติใดๆ ควรแจ้งหัวหน้างานทันที

ข้อควรจำในการใช้งาน

  • อย่าขับรถเร็วเกินไป: โดยเฉพาะในบริเวณที่มีคนพลุกพล่านหรือทางเลี้ยว
  • ระวังสิ่งกีดขวางด้านบน: เมื่อยกงาขึ้นสูง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งกีดขวาง เช่น ท่อ สายไฟ หรือโครงสร้างต่างๆ
  • ลดงาลงเมื่อจอดรถ: ไม่ควรปล่อยงาค้างไว้ในระดับสูง ควรลดงาลงให้แตะพื้นเสมอเพื่อความปลอดภัย
  • ห้ามใช้รถโฟล์คลิฟท์ขนคน: รถโฟล์คลิฟท์ถูกออกแบบมาเพื่อยกสินค้าเท่านั้น การนำไปใช้ขนส่งบุคคลเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
  • ดับเครื่องยนต์และใส่เบรกมือเมื่อจอด: ปฏิบัติตามขั้นตอนการจอดรถที่ถูกต้องเสมอ

ข้อดีรถโฟล์คลิฟท์แก๊ส

รถโฟล์คลิฟท์แก๊สเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับหลายๆ ธุรกิจเลยนะครับ ด้วยข้อดีหลายอย่างที่ทำให้การทำงานคล่องตัวขึ้นเยอะเลย

  • เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า: เมื่อเทียบกับรถโฟล์คลิฟท์ดีเซล รถโฟล์คลิฟท์แก๊สปล่อยมลพิษน้อยกว่ามาก โดยเฉพาะเรื่องควันดำที่แทบจะไม่มีเลย ทำให้เหมาะกับการใช้งานในอาคาร หรือพื้นที่ที่ต้องการอากาศบริสุทธิ์
  • เสียงเงียบกว่า: การทำงานของเครื่องยนต์แก๊สจะเงียบกว่าเครื่องยนต์ดีเซลอย่างเห็นได้ชัด ช่วยลดมลภาวะทางเสียงในสถานที่ทำงานได้เยอะเลยครับ
  • ค่าบำรุงรักษาต่ำ: โดยทั่วไปแล้ว รถโฟล์คลิฟท์แก๊สมักจะมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่ต่ำกว่า เพราะชิ้นส่วนเครื่องยนต์สึกหรอน้อยกว่า และไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการอุดตันของระบบไอเสีย
  • สตาร์ทติดง่าย: ในสภาพอากาศเย็น รถโฟล์คลิฟท์แก๊สจะสตาร์ทติดง่ายกว่ารถดีเซลมาก ไม่ต้องรอนาน
  • การเติมเชื้อเพลิงสะดวก: การเติมแก๊ส LPG หรือ NGV ทำได้ค่อนข้างรวดเร็ว และหาปั๊มได้ทั่วไป ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาหยุดทำงานนานๆ

การเลือกใช้รถโฟล์คลิฟท์แก๊สช่วยลดผลกระทบต่อสุขภาพของพนักงานและสภาพแวดล้อมโดยรวมได้ดีทีเดียวครับ

ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม

ถึงแม้จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ก็มีบางเรื่องที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมนะครับ เช่น

  • ประสิทธิภาพอาจลดลงเมื่อใช้แก๊ส LPG ในที่อากาศเย็นจัด: ในบางกรณีที่อุณหภูมิต่ำมากๆ แก๊ส LPG อาจจะระเหยได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้กำลังเครื่องยนต์ลดลงเล็กน้อย
  • การจัดเก็บถังแก๊ส: ต้องมีการวางแผนเรื่องการจัดเก็บถังแก๊สให้ปลอดภัยและเป็นไปตามข้อกำหนด
  • ความจุพลังงาน: โดยทั่วไปแล้ว แก๊ส LPG จะมีความจุพลังงานต่อปริมาตรน้อยกว่าดีเซลเล็กน้อย หมายความว่าอาจจะต้องเติมเชื้อเพลิงบ่อยกว่านิดหน่อย ขึ้นอยู่กับลักษณะงานที่ทำครับ

รถโฟล์คลิฟท์สำหรับพื้นที่แคบ

คู่มือวิธีใช้งานรถโฟล์คลิฟท์อย่างมืออาชีพ
คู่มือวิธีใช้งานรถโฟล์คลิฟท์อย่างมืออาชีพ

การทำงานในพื้นที่จำกัด หรือพื้นที่แคบๆ นั้น รถโฟล์คลิฟท์ทั่วไปอาจจะเข้าถึงได้ยาก หรือไม่คล่องตัวเท่าที่ควร ทำให้การขนถ่ายสินค้าเป็นไปอย่างล่าช้าและอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย รถโฟล์คลิฟท์สำหรับพื้นที่แคบจึงถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ ด้วยขนาดที่กะทัดรัดและรัศมีวงเลี้ยวที่แคบกว่า ทำให้สามารถเคลื่อนที่และทำงานในทางเดินแคบๆ หรือบริเวณที่มีสิ่งกีดขวางเยอะได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ลักษณะเด่นของรถโฟล์คลิฟท์สำหรับพื้นที่แคบ

  • ขนาดกะทัดรัด: มีมิติตัวรถที่เล็กกว่ารถโฟล์คลิฟท์มาตรฐานทั่วไป ทำให้เข้าถึงพื้นที่ที่จำกัดได้ง่ายขึ้น
  • รัศมีวงเลี้ยวแคบ: ออกแบบมาให้เลี้ยวในพื้นที่จำกัดได้คล่องตัว ลดความเสี่ยงในการชนสิ่งของหรือโครงสร้าง
  • การมองเห็นที่ดี: ตำแหน่งของผู้ขับขี่และเสาไฮดรอลิกมักถูกออกแบบมาให้ผู้ขับมองเห็นสินค้าและสภาพแวดล้อมได้ชัดเจน แม้ในมุมอับ
  • ความคล่องตัวสูง: เหมาะสำหรับคลังสินค้าที่มีทางเดินแคบ ซอกมุมเยอะ หรือโรงงานที่มีพื้นที่การผลิตจำกัด

ประเภทของรถโฟล์คลิฟท์สำหรับพื้นที่แคบ

รถโฟล์คลิฟท์สำหรับพื้นที่แคบมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับการออกแบบและลักษณะการใช้งาน เช่น:

  • รถโฟล์คลิฟท์แบบยืนขับ (Stand-on Forklift): ผู้ขับจะยืนทำงาน ทำให้มีทัศนวิสัยที่ดีและควบคุมรถได้ง่ายในทางแคบ
  • รถโฟล์คลิฟท์แบบ Counterbalance แบบแคบ (Narrow Aisle Counterbalance Forklift): แม้จะมีลักษณะคล้ายรถโฟล์คลิฟท์ทั่วไป แต่มีฐานล้อที่แคบกว่าและออกแบบมาให้ทำงานในทางเดินแคบได้ดีขึ้น
  • รถโฟล์คลิฟท์แบบ Reach Truck: เหมาะสำหรับคลังสินค้าที่มีการจัดเก็บสินค้าสูงๆ ในทางเดินแคบๆ โดยเฉพาะ สามารถยื่นงาออกไปหยิบสินค้าได้

การเลือกใช้รถโฟล์คลิฟท์ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ทำงานเป็นสิ่งสำคัญมาก การฝืนใช้รถโฟล์คลิฟท์ขนาดใหญ่ในพื้นที่แคบไม่เพียงแต่ทำให้การทำงานช้าลง แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุและความเสียหายต่อสินค้าและตัวรถอีกด้วย

ขับรถโฟล์คลิฟท์พื้นที่แคบ

คู่มือวิธีใช้งานรถโฟล์คลิฟท์อย่างมืออาชีพ
คู่มือวิธีใช้งานรถโฟล์คลิฟท์อย่างมืออาชีพ

การขับรถโฟล์คลิฟท์ในพื้นที่แคบต้องใช้ความชำนาญและสมาธิเป็นพิเศษ เพราะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าปกติ สิ่งสำคัญคือต้องรู้ขีดจำกัดของรถและสภาพแวดล้อมรอบตัวเสมอ

การเตรียมตัวก่อนขับ

  • ตรวจสอบสภาพรถโฟล์คลิฟท์: ก่อนเริ่มงานทุกครั้ง ควรตรวจเช็คเบรก พวงมาลัย ระบบไฮดรอลิก และยางว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่
  • ทำความคุ้นเคยกับพื้นที่: สำรวจเส้นทางที่จะวิ่ง ว่ามีสิ่งกีดขวาง มุมอับ หรือพื้นผิวที่อาจเป็นอันตรายหรือไม่
  • ปรับที่นั่งและกระจก: ปรับตำแหน่งที่นั่งให้มองเห็นได้ชัดเจน และปรับกระจกมองข้างให้ครอบคลุมมุมอับให้มากที่สุด

เทคนิคการขับในที่แคบ

  • ขับช้าๆ และใช้เกียร์ต่ำ: การขับด้วยความเร็วต่ำจะช่วยให้ควบคุมรถได้ดีขึ้น และมีเวลาตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน
  • ระวังท้ายรถปัด: ในขณะเลี้ยว โดยเฉพาะในทางแคบ ท้ายรถโฟล์คลิฟท์จะกวาดออกด้านข้าง ต้องกะระยะให้ดีเพื่อไม่ให้ชนกับสิ่งกีดขวาง
  • ใช้แตรช่วยเตือน: เมื่อเข้าใกล้ทางเลี้ยว หรือบริเวณที่มีคนพลุกพล่าน ควรบีบแตรสั้นๆ เพื่อเตือนให้ผู้อื่นทราบ
  • ถอยหลังเมื่อจำเป็น: หากบรรทุกสินค้าชิ้นใหญ่จนบดบังทัศนวิสัยด้านหน้า การขับถอยหลังจะปลอดภัยกว่า
  • ลดงาลงเสมอ: เมื่อขับรถโดยไม่ได้บรรทุกสินค้า ควรลดงาลงให้อยู่ในระดับต่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเกี่ยวชนสิ่งของหรือผู้คน

การขับรถโฟล์คลิฟท์ในพื้นที่แคบต้องอาศัยการฝึกฝนและความใส่ใจในรายละเอียด การขับอย่างระมัดระวังจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างมาก

อุปกรณ์เสริมรถโฟล์คลิฟท์

คู่มือวิธีใช้งานรถโฟล์คลิฟท์อย่างมืออาชีพ
คู่มือวิธีใช้งานรถโฟล์คลิฟท์อย่างมืออาชีพ

การใช้อุปกรณ์เสริมรถโฟล์คลิฟท์อย่างเหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการทำงานได้มากเลยครับ อุปกรณ์เสริมเหล่านี้มีหลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับลักษณะงานและประเภทของสินค้าที่ต้องยกหรือเคลื่อนย้าย การเลือกใช้อุปกรณ์ที่ถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุและทำให้การทำงานราบรื่นขึ้นเยอะเลย

ประเภทของอุปกรณ์เสริมรถโฟล์คลิฟท์

  • ตะแกรงยกสินค้า (Forklift Cage/Basket): เหมาะสำหรับยกสินค้าที่มีขนาดเล็ก หรือสินค้าที่ไม่สามารถวางบนพาเลทได้โดยตรง ช่วยป้องกันสินค้าตกหล่นระหว่างการเคลื่อนย้าย
  • ตัวจับกระดาษม้วน (Paper Roll Clamp): ออกแบบมาเพื่อจับและยกม้วนกระดาษขนาดใหญ่โดยเฉพาะ ช่วยให้การขนย้ายกระดาษม้วนเป็นไปอย่างปลอดภัยและรวดเร็ว
  • ตัวจับถัง (Drum Clamp/Lifter): ใช้สำหรับจับและยกถังน้ำมันหรือถังสารเคมีต่างๆ ช่วยให้การเคลื่อนย้ายถังเป็นไปอย่างมั่นคง
  • แขนยก (Jib/Boom): เพิ่มระยะเอื้อมของรถโฟล์คลิฟท์ ทำให้สามารถยกของที่อยู่ไกลออกไป หรือยกของข้ามสิ่งกีดขวางได้
  • ที่ดันสินค้า (Push/Pull Attachment): ใช้สำหรับดันหรือดึงสินค้าที่วางบนแผ่นสไลด์ (Slip Sheet) โดยไม่ต้องใช้พาเลท เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมที่ต้องการลดการใช้พาเลท
  • ตัวหมุน (Rotator): ช่วยให้สามารถหมุนตะแกรงหรืออุปกรณ์จับสินค้าได้ ทำให้การเทหรือวางสินค้าในมุมที่ต้องการทำได้ง่ายขึ้น

การเลือกใช้อุปกรณ์เสริมควรพิจารณาถึงน้ำหนักบรรทุกสูงสุดของรถโฟล์คลิฟท์ และความเข้ากันได้กับระบบไฮดรอลิกของรถด้วยนะครับ การติดตั้งที่ไม่ถูกต้องอาจก่อให้เกิดอันตรายได้

การดูแลรักษาอุปกรณ์เสริมก็สำคัญไม่แพ้กัน ควรหมั่นตรวจสอบสภาพการใช้งาน ทำความสะอาด และหล่อลื่นตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อยืดอายุการใช้งานและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างปฏิบัติงานครับ

สรุป: ขับโฟล์คลิฟท์อย่างมืออาชีพ

การขับรถโฟล์คลิฟท์ให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพไม่ใช่เรื่องยากเลย แค่เราใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ทำตามขั้นตอนที่แนะนำไว้ในคู่มือนี้อย่างสม่ำเสมอ ทั้งการตรวจเช็คสภาพรถก่อนใช้งาน การขับขี่ที่ถูกต้องตามหลักการ และการจอดรถอย่างถูกวิธี สิ่งเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างมาก แถมยังช่วยยืดอายุการใช้งานของรถโฟล์คลิฟท์ได้อีกด้วย จำไว้เสมอว่าความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอ การฝึกฝนและทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ จะทำให้คุณกลายเป็นผู้ใช้งานรถโฟล์คลิฟท์มืออาชีพได้อย่างแน่นอนครับ

คำถามที่พบบ่อย

ก่อนเริ่มขับรถโฟล์คลิฟท์ ต้องตรวจสอบอะไรบ้าง?

ก่อนสตาร์ทรถ ให้ตรวจสอบว่ารถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ เช่น ระดับน้ำมันเครื่อง, น้ำมันเบรก, ลมยาง และส่วนประกอบอื่นๆ หากพบสิ่งผิดปกติ ควรแจ้งหัวหน้างานทันที และอย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่ขับ

มีวิธีวางสินค้าด้วยรถโฟล์คลิฟท์อย่างไรให้ปลอดภัย?

การวางสินค้าต้องทำอย่างระมัดระวัง ปรับเสาให้ตรงก่อนวางสินค้า ขับรถช้าๆ จนสินค้าอยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ แล้วค่อยๆ ลดตะเกียบลงให้พอดี จากนั้นถอยรถออกมาอย่างช้าๆ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ด้านหลัง

ขั้นตอนการจอดรถโฟล์คลิฟท์ที่ถูกต้องเป็นอย่างไร?

เวลาจอดรถ ให้หาพื้นที่ที่เหมาะสม เหยียบเบรก เปลี่ยนเป็นเกียร์ว่าง ลดตะเกียบลงจนแตะพื้น ดึงเบรกมือขึ้น แล้วจึงดับเครื่องยนต์และออกจากรถ

เป็นอันตรายไหมถ้าขับรถโฟล์คลิฟท์ตอนง่วงนอน?

ไม่ควรขับรถในขณะที่รู้สึกง่วง หรือมีอาการมึนเมา เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และมีสติอยู่เสมอขณะขับรถ

ควรขับรถโฟล์คลิฟท์ด้วยความเร็วเท่าไหร่ และต้องเว้นระยะห่างหรือไม่?

ควรขับรถโฟล์คลิฟท์ด้วยความเร็วที่เหมาะสมกับสภาพงาน ไม่ขับเร็วเกินไป และต้องเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าเสมอ เพื่อให้มีระยะเบรกทันหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

ทำไมการตรวจสภาพรถโฟล์คลิฟท์หลังเลิกงานถึงสำคัญ?

การตรวจเช็ครถหลังเลิกงานเป็นสิ่งสำคัญ ช่วยให้ทราบถึงสภาพรถ และป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทำให้ประหยัดค่าซ่อมบำรุงและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานครั้งต่อไป