การตรวจสอบชิ้นส่วนรถยกก่อนจำหน่าย

การตรวจสอบชิ้นส่วนรถยกก่อนนำไปจำหน่ายเป็นเรื่องสำคัญมากครับ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะได้รับรถที่มีคุณภาพและปลอดภัย การตรวจสอบอย่างละเอียดจะช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ขายได้เป็นอย่างดี เรามาดูกันว่ามีส่วนไหนบ้างที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษครับ

ข้อควรจำที่สำคัญ

  • ควรตรวจสอบสภาพงาและโซ่ยกอย่างละเอียด มองหารอยแตกหรือการสึกหรอที่ผิดปกติ
  • ระบบไฮดรอลิกและเสายกต้องทำงานได้ราบรื่น ไม่มีเสียงดังหรือการสะดุด
  • ตรวจสอบระบบเบรกทั้งเบรกเท้าและเบรกมือ รวมถึงสภาพยางให้แน่ใจว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
  • เช็คระบบไฟฟ้า สายไฟ ขั้วแบตเตอรี่ และการทำงานของไฟสัญญาณต่างๆ ให้ครบถ้วน
  • ฟังเสียงเครื่องยนต์ และตรวจสอบระดับของเหลวต่างๆ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำหล่อเย็น เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการรั่วซึม

การตรวจสอบชิ้นส่วนสำคัญของรถยก

การตรวจสอบชิ้นส่วนรถยกก่อนจำหน่าย
การตรวจสอบชิ้นส่วนรถยกก่อนจำหน่าย

ก่อนจะนำรถยกออกไปใช้งานจริง การตรวจสอบสภาพความพร้อมของชิ้นส่วนสำคัญถือเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้เลยครับ เพราะนอกจากจะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถแล้ว ยังช่วยให้การทำงานราบรื่นและปลอดภัยมากขึ้นด้วย ลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่เราควรใส่ใจเป็นพิเศษ

การตรวจสอบสภาพงาและโซ่ยก

การตรวจสอบงาและโซ่ยกเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ เลยครับ เพราะเป็นส่วนที่สัมผัสกับสินค้าโดยตรง เราต้องดูว่ามีรอยบิ่น รอยร้าว หรือการสึกหรอที่ผิดปกติหรือไม่ ลองขยับงาขึ้นลงดูว่ามีอาการสะดุด หรือติดขัดไหม ส่วนโซ่ยกก็เช่นกัน ต้องดูว่าโซ่หย่อนเกินไป หรือมีข้อไหนที่ดูผิดปกติหรือเปล่า การใช้ อะไหล่รถโฟล์คลิฟท์แท้ ที่ได้มาตรฐานจะช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้มากครับ

การตรวจสอบระบบไฮดรอลิกและเสายก

ระบบไฮดรอลิกเป็นหัวใจของการทำงานรถยกเลยครับ ลองสตาร์ทเครื่องแล้วค่อยๆ ยกเสาขึ้นลงดูว่าทำงานได้ราบรื่นดีไหม มีเสียงดังผิดปกติ หรือมีอาการสั่นสะท้านหรือไม่ ที่สำคัญคือต้องสังเกตดูรอยรั่วซึมของน้ำมันไฮดรอลิกตามข้อต่อต่างๆ ด้วยนะครับ ถ้ามีรอยรั่ว อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการยกและอาจเป็นอันตรายได้

การตรวจสอบสภาพยางและระบบเบรก

สภาพยางก็มีผลต่อการทรงตัวและการเคลื่อนที่ของรถครับ ตรวจสอบดอกยางว่ายังมีความลึกเพียงพอหรือไม่ มีรอยแตก รอยบวม หรือมีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่หรือเปล่า ส่วนระบบเบรก ทั้งเบรกเท้าและเบรกมือ ต้องทดสอบให้แน่ใจว่าทำงานได้ดี รถหยุดสนิทเมื่อเหยียบเบรก ลองขับช้าๆ แล้วเบรกดูว่ารถไม่ปัดไปด้านข้าง และเบรกมือต้องสามารถล็อกรถให้อยู่กับที่ได้ครับ

การตรวจสอบสภาพรถยกอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่แค่การเช็คตามหน้าที่ แต่เป็นการลงทุนเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการทำงานระยะยาว การใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ จะช่วยป้องกันปัญหาใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

การตรวจสอบระบบไฟฟ้าและแบตเตอรี่

ระบบไฟฟ้าและแบตเตอรี่เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้รถยกทำงานได้อย่างราบรื่น การตรวจสอบส่วนนี้อย่างละเอียดก่อนนำรถออกจำหน่ายจะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลังได้ครับ

การตรวจสอบสภาพสายไฟและขั้วแบตเตอรี่

เรื่องของสายไฟนี่สำคัญมากเลยนะครับ ต้องดูให้แน่ใจว่าไม่มีส่วนไหนที่ฉีกขาด เปื่อย หรือถูกหนูกัดกินจนเสียหาย เพราะสายไฟที่ชำรุดอาจทำให้เกิดการลัดวงจร หรือไฟดับได้ ซึ่งอันตรายมาก นอกจากนี้ ขั้วแบตเตอรี่ก็ต้องดูให้ดีว่าสะอาด ไม่มีคราบขี้เกลือเกาะ ถ้ามีก็ต้องทำความสะอาดให้เรียบร้อย เพราะคราบพวกนี้จะขัดขวางการไหลของกระแสไฟ ทำให้รถสตาร์ทติดยาก หรือระบบไฟทำงานไม่เต็มที่

การตรวจสอบระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่

สำหรับรถยกที่ใช้แบตเตอรี่แบบน้ำกลั่น การตรวจสอบระดับน้ำเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้เลยครับ ต้องเช็คให้แน่ใจว่าระดับน้ำกลั่นอยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพราะถ้าน้ำแห้งเกินไป แผ่นธาตุในแบตเตอรี่อาจเสียหายได้ และถ้าเติมน้ำกลั่นมากเกินไป ก็อาจทำให้น้ำกรดล้นออกมา ซึ่งเป็นอันตรายและกัดกร่อนได้เช่นกัน ควรใช้ไฟฉายส่องดูระดับน้ำผ่านช่องมอง หรือตามขีดที่กำหนดไว้บนแบตเตอรี่

การตรวจสอบไฟสัญญาณและแตร

ระบบไฟส่องสว่างและสัญญาณต่างๆ ก็เป็นส่วนที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กันครับ ลองเปิดไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว และไฟเบรกดูว่าติดครบทุกดวงหรือไม่ การทำงานของไฟเหล่านี้สำคัญมากต่อความปลอดภัยในการมองเห็นและการสื่อสารกับผู้ร่วมงานคนอื่นๆ นอกจากนี้ อย่าลืมทดสอบแตรด้วยนะครับ ต้องแน่ใจว่าเสียงดังชัดเจน เพื่อใช้เตือนภัยในกรณีที่อาจเกิดอันตรายขึ้นได้

การตรวจสอบเครื่องยนต์และของเหลว

การตรวจสอบชิ้นส่วนรถยกก่อนจำหน่าย
การตรวจสอบชิ้นส่วนรถยกก่อนจำหน่าย

การตรวจสอบเครื่องยนต์และของเหลวเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเตรียมรถยกให้พร้อมใช้งาน เพราะระบบเหล่านี้เป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนและทำงานของรถ หากมีปัญหาอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยโดยรวมได้

การตรวจสอบเสียงและการทำงานของเครื่องยนต์

เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ ควรฟังเสียงที่ออกมาว่ามีความผิดปกติหรือไม่ เช่น เสียงดังผิดปกติ เสียงกระตุก หรือเสียงแปลกๆ ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน การทำงานของเครื่องยนต์ควรจะราบรื่น ไม่สั่นสะท้านมากเกินไป ลองเร่งเครื่องเบาๆ เพื่อสังเกตการตอบสนอง หากพบอาการใดที่น่าสงสัย ควรตรวจสอบหาสาเหตุทันที

การตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องและน้ำหล่อเย็น

การตรวจสอบระดับของเหลวต่างๆ เป็นเรื่องที่ต้องทำเป็นประจำ เริ่มจากน้ำมันเครื่อง ให้ดึงก้านวัดออกมาเช็ดให้สะอาดแล้วเสียบกลับเข้าไปใหม่ จากนั้นดึงออกมาดูระดับน้ำมัน ควรอยู่ในขีดที่กำหนด หากต่ำกว่าปกติอาจบ่งชี้ถึงการรั่วซึม หรือการเผาไหม้ที่ผิดปกติ สำหรับน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำ ก็ควรตรวจสอบระดับให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเช่นกัน โดยทั่วไปควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกๆ 400 ชั่วโมงการทำงาน หรือตามที่คู่มือรถกำหนด

การตรวจสอบรอยรั่วซึมของของเหลว

หลังจากตรวจสอบระดับของเหลวแล้ว ให้สังเกตบริเวณใต้ท้องรถและรอบๆ เครื่องยนต์ว่ามีคราบของเหลวที่รั่วซึมออกมาหรือไม่ เช่น คราบน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ หรือน้ำหล่อเย็น รอยรั่วซึมเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด เพราะอาจนำไปสู่ความเสียหายที่รุนแรงขึ้นต่อเครื่องยนต์และระบบต่างๆ ได้

การตรวจสอบอุปกรณ์ความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ที่ต้องใส่ใจก่อนนำรถยกไปใช้งานจริง เพราะอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ อาจนำไปสู่ความเสียหายที่ใหญ่หลวงได้ การตรวจสอบอย่างละเอียดจะช่วยให้มั่นใจว่าผู้ปฏิบัติงานและสภาพแวดล้อมโดยรอบปลอดภัย

การตรวจสอบเข็มขัดนิรภัยและที่นั่งคนขับ

  • ตรวจสอบสภาพเข็มขัดนิรภัย: ให้ดึงสายเข็มขัดออกมาจนสุด ตรวจสอบรอยขาด รอยเปื่อย หรือความเสียหายที่ตัวสาย รวมถึงกลไกการล็อคว่ายังทำงานได้ดีหรือไม่ ลองคาดและปลดสายเพื่อทดสอบการทำงาน
  • สภาพที่นั่งคนขับ: ตรวจสอบเบาะนั่งว่ามีการฉีกขาดหรือยุบตัวมากเกินไปหรือไม่ การปรับเลื่อนเบาะควรทำได้อย่างราบรื่น ไม่ติดขัด
  • การยึดติด: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าจุดยึดของเข็มขัดนิรภัยและรางเบาะนั่งคนขับมีความแข็งแรง ไม่หลวมคลอน

การตรวจสอบโครงป้องกันเหนือศีรษะ

โครงป้องกันเหนือศีรษะ (Overhead Guard) มีไว้เพื่อป้องกันอันตรายจากวัตถุที่อาจหล่นลงมาใส่ผู้ขับขี่ ควรตรวจสอบดังนี้:

  • ความแข็งแรงของโครงสร้าง: สังเกตดูรอยเชื่อม รอยร้าว หรือการบิดเบี้ยวของโครงสร้าง หากพบความเสียหาย ควรหยุดใช้งานและส่งซ่อมทันที
  • การยึดติด: ตรวจสอบน็อตและสกรูที่ยึดโครงป้องกันเข้ากับตัวรถว่าแน่นหนาดีหรือไม่
  • ความสมบูรณ์: ไม่มีส่วนใดของโครงที่บุบหรือเสียหายจนอาจลดทอนประสิทธิภาพในการป้องกัน

การตรวจสอบการทำงานของระบบเบรกมือและเบรกเท้า

ระบบเบรกเป็นหัวใจสำคัญของความปลอดภัยในการควบคุมรถยก ควรทดสอบอย่างละเอียด:

  • เบรกเท้า: หลังจากสตาร์ทเครื่องยนต์แล้ว ให้ลองเหยียบเบรกเท้าเพื่อทดสอบการตอบสนอง รถควรหยุดนิ่งสนิทเมื่อเหยียบเบรก และไม่ควรมีอาการไหล
  • เบรกมือ: ทดลองดึงหรือปลดเบรกมือขณะรถจอดอยู่บนพื้นราบ เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถล็อคล้อและหยุดรถได้จริง
  • การสึกหรอ: หากเป็นไปได้ ให้สังเกตสัญญาณการสึกหรอของผ้าเบรกหรือจานเบรก ซึ่งอาจต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการประเมิน

การตรวจสอบมาตรวัดและชั่วโมงการใช้งาน

การตรวจสอบมาตรวัดระยะทาง

การตรวจสอบมาตรวัดระยะทางของรถยกเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณารถยกมือสอง มาตรวัดระยะทางที่แท้จริงสามารถบ่งบอกถึงการใช้งานและสภาพโดยรวมของรถได้เป็นอย่างดี ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าตัวเลขบนมาตรวัดนั้นสอดคล้องกับสภาพภายนอกและภายในของรถ หากรถดูเก่าและสึกหรอมาก แต่มาตรวัดแสดงระยะทางที่น้อยผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณว่ามีการปรับเปลี่ยนตัวเลขมาตรวัด ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น

การประเมินชั่วโมงการใช้งานเทียบกับการสึกหรอ

นอกเหนือจากมาตรวัดระยะทางแล้ว ชั่วโมงการใช้งานก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องพิจารณา การประเมินว่ารถยกถูกใช้งานหนักเพียงใดเมื่อเทียบกับอายุของมัน สามารถทำได้โดยการดูจากสภาพการสึกหรอของชิ้นส่วนต่างๆ เช่น ยาง, แป้นเหยียบ, พวงมาลัย, และที่นั่งคนขับ หากรถมีอายุหลายปีแต่มีชั่วโมงการใช้งานน้อยมาก อาจเป็นไปได้ว่ารถจอดทิ้งไว้นาน หรืออาจมีการใช้งานในลักษณะที่ไม่หนักหน่วงนัก ในทางกลับกัน รถที่มีชั่วโมงการใช้งานสูง อาจแสดงถึงการใช้งานที่หนัก แต่หากได้รับการบำรุงรักษาที่ดี ก็ยังสามารถใช้งานต่อไปได้อีกนาน

การตรวจสอบความสอดคล้องของมาตรวัดและสภาพรถ

การตรวจสอบความสอดคล้องระหว่างมาตรวัดระยะทาง, ชั่วโมงการใช้งาน และสภาพโดยรวมของรถยกเป็นขั้นตอนที่ต้องทำอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุดเกี่ยวกับสภาพของรถก่อนนำไปใช้งานหรือจำหน่าย

  • เปรียบเทียบตัวเลข: นำตัวเลขบนมาตรวัดระยะทางและชั่วโมงการใช้งานมาเปรียบเทียบกับสภาพการสึกหรอที่สังเกตเห็นได้จากส่วนประกอบต่างๆ ของรถ
  • พิจารณาประวัติการซ่อมบำรุง: หากมีข้อมูลประวัติการซ่อมบำรุง ควรนำมาประกอบการพิจารณาด้วย เพื่อดูว่ามีการเปลี่ยนชิ้นส่วนสำคัญ หรือมีการซ่อมแซมใหญ่ๆ เกิดขึ้นหรือไม่
  • สังเกตความผิดปกติ: มองหาร่องรอยที่บ่งชี้ว่ามาตรวัดอาจถูกดัดแปลง เช่น รอยขีดข่วนรอบๆ หน้าปัด หรือความไม่สอดคล้องกันของสกรูยึด

การประเมินที่แม่นยำต้องอาศัยการสังเกตอย่างรอบด้าน การดูเพียงตัวเลขบนมาตรวัดอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ควรพิจารณาสภาพโดยรวมของรถประกอบด้วยเสมอ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุด

การตรวจสอบสภาพทั่วไปและสิ่งแวดล้อม

การตรวจสอบชิ้นส่วนรถยกก่อนจำหน่าย
การตรวจสอบชิ้นส่วนรถยกก่อนจำหน่าย

การตรวจสอบความสะอาดและสิ่งผิดปกติรอบตัวรถ

การตรวจสอบสภาพภายนอกของรถยกเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญมากครับ ก่อนจะไปดูส่วนอื่นๆ เราต้องแน่ใจก่อนว่าตัวรถเองไม่มีอะไรผิดปกติที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ลองเดินสำรวจรอบๆ ตัวรถสักสองสามรอบ สังเกตดูว่ามีคราบสกปรกที่ผิดปกติไหม มีรอยบุบ รอยร้าว หรือส่วนไหนที่ดูเหมือนจะหลุดหรือหักไปหรือไม่ ความสะอาดก็เป็นตัวบ่งชี้อย่างหนึ่งนะครับ ถ้าตัวรถดูสะอาดสะอ้าน ก็อาจจะหมายถึงมีการดูแลรักษาที่ดี แต่ถ้ามีคราบน้ำมันหรือสิ่งสกปรกติดอยู่เยอะ ก็อาจจะต้องสงสัยว่ามีรอยรั่วซึมหรือเปล่า

การตรวจสอบพื้นที่การใช้งานและสิ่งกีดขวาง

นอกจากตัวรถแล้ว สภาพแวดล้อมรอบๆ ที่รถยกจะทำงานก็สำคัญไม่แพ้กันครับ ลองมองดูบริเวณที่จะขับรถเข้าไปทำงาน ว่ามีอะไรกีดขวางทางเดินไหม มีวัตถุที่อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรือทำให้รถยกเสียหายได้หรือไม่ เช่น เศษวัสดุ กล่อง หรือแม้กระทั่งพื้นผิวที่ไม่เรียบ การเคลียร์พื้นที่ให้โล่งและปลอดภัยก่อนเริ่มงาน จะช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันได้มากเลยทีเดียวครับ

การตรวจสอบสภาพหลังคาและสกรู

ส่วนสุดท้ายที่ควรใส่ใจคือส่วนบนของรถยก โดยเฉพาะบริเวณหลังคาและจุดยึดต่างๆ ลองสังเกตดูว่ามีอะไรตกค้างอยู่บนหลังคาหรือไม่ เช่น ฝุ่น เศษวัสดุ หรือเครื่องมือที่อาจหล่นลงมาขณะรถเคลื่อนที่ นอกจากนี้ ควรดูสภาพของสกรูหรือน็อตที่ยึดส่วนต่างๆ โดยเฉพาะส่วนหลังคาและโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับการยก ว่ายังแน่นหนาดีอยู่ไหม มีร่องรอยการคลายตัวหรือความเสียหายที่อาจส่งผลต่อความมั่นคงของโครงสร้างหรือไม่ครับ

บทสรุป

การตรวจสอบรถยกก่อนนำไปขายนั้นสำคัญมากจริงๆ ครับ มันไม่ใช่แค่เรื่องของความปลอดภัยเท่านั้นนะ แต่ยังช่วยให้ลูกค้ามั่นใจในคุณภาพของรถที่เราขายด้วย การใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างการเช็กสภาพงา เบรก ระบบไฮดรอลิก หรือแม้กระทั่งเสียงเครื่องยนต์ จะช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้เยอะเลย ถ้าเราทำตามขั้นตอนที่แนะนำอย่างสม่ำเสมอ ก็เหมือนเรากำลังสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของเราไปในตัวครับ ลูกค้าก็จะอยากกลับมาซื้อซ้ำ หรือแนะนำต่อให้คนอื่นด้วย

คำถามที่พบบ่อย

ทำไมการตรวจสอบรถยกก่อนขายถึงสำคัญมาก?

การตรวจเช็คสภาพรถยกก่อนนำไปขายช่วยให้มั่นใจว่ารถอยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งาน ปลอดภัย และไม่มีปัญหาซ่อนเร้น ซึ่งจะช่วยให้ผู้ซื้อสบายใจและลดปัญหาหลังการขายได้มากครับ

ส่วนไหนของรถยกที่ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษในการตรวจสอบ?

ส่วนสำคัญที่ต้องตรวจเช็คอย่างละเอียดคือ งาและโซ่ยก ระบบไฮดรอลิก รวมถึงเสายก เพราะเป็นส่วนที่ใช้ยกของหนัก หากมีปัญหาอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ นอกจากนี้ ระบบเบรกและยางก็สำคัญต่อความปลอดภัยในการขับขี่ครับ

ต้องเช็คอะไรบ้างเกี่ยวกับเครื่องยนต์และของเหลวในรถยก?

เราควรฟังเสียงเครื่องยนต์ว่าทำงานปกติไหม ไม่มีเสียงดังผิดปกติ และต้องตรวจดูระดับน้ำมันเครื่อง น้ำหล่อเย็น ว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมหรือไม่ รวมถึงสังเกตว่ามีรอยรั่วซึมของของเหลวต่างๆ หรือเปล่าครับ

มาตรวัดระยะทางและชั่วโมงการใช้งานบอกอะไรเราได้บ้าง?

มาตรวัดพวกนี้ช่วยให้เราประเมินสภาพการใช้งานของรถยกได้ครับ ถ้าเลขไมล์หรือชั่วโมงการใช้งานสูง แต่สภาพรถดูเก่ามาก อาจหมายความว่ารถถูกใช้งานหนัก หรืออาจมีการปรับแก้ตัวเลขมา ต้องเปรียบเทียบกับสภาพโดยรวมของรถด้วยครับ

อุปกรณ์ความปลอดภัยอะไรบ้างที่ต้องตรวจสอบ?

ต้องตรวจเช็คเข็มขัดนิรภัย ที่นั่งคนขับว่าอยู่ในสภาพดีและใช้งานได้ปกติไหม รวมถึงโครงป้องกันส่วนหัวของผู้ขับขี่ว่ามีความเสียหายหรือไม่ และที่สำคัญคือระบบเบรกมือและเบรกเท้า ต้องมั่นใจว่าทำงานได้ดีและหยุดรถได้เมื่อจำเป็นครับ

หากพบความผิดปกติเล็กน้อย เช่น สกรูหลวม ควรทำอย่างไร?

แม้จะเป็นเพียงความผิดปกติเล็กน้อย ก็ไม่ควรละเลยครับ ควรทำการแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนนำรถไปขาย เพื่อให้รถอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด และแสดงถึงความใส่ใจของผู้ขายครับ